วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศิลปะสำหรับเด็ก



การเริ่มต้นให้เด็กๆ เรียนรู้ศิลปะและงานประดิษฐ์ จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการมีความเข้าใจในธรรมชาติรอบตัว ทำให้จิตใจเยือกเย็นมีสมาธิและลดความขัดแย้งกับปัญหารอบข้างได้ดี พ่อเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เป็นคนชอบการ์ตูนเพราะดูเข้าใจง่าย ดูตลกมีรูปร่างแปลกๆ แตกต่างกัน แต่งตัวก็สวยงาม พระเอกเก่ง และนางเอกใจดี (ที่เกลียดมากก็นางแม่มดและผู้ร้ายใจยักษ์)

โตขึ้นหน่อยพ่อก็จะชอบขีดๆ เขียนๆ วาดรูประบายสี หรือนึกสนุกขึ้นมาก็จะปั้นดินเหนียวเป็นรูปคนบ้าง หมาบ้าง แมวบ้าง เพราะเป็นสิ่งใกล้ตัวเห็นอยู่ทุกวัน พอเรียนอยู่ประถมปลายพ่อบอกว่าชอบวิชาวาดเขียนมาก เช่าหนังสือการ์ตูนอ่านเป็นประจำ ทั้งการ์ตูนไทยและฝรั่ง แล้วเอาแบบจากการ์ตูนมาวาดตาม

วาดในสมุดบ้างวาดตามผนังวัดบ้าง ตัวไหนฮิตมากหน่อย ก็จะใช้หมึกอินเดียอิ้งค์วาดลงบนเสื้อยืด ที่หน้าอกบ้าง กลางหลังบ้าง ( เดินอวดเพื่อนๆ เท่ห์อย่าบอกใคร)

ช่วงอยู่มัธยมพ่อบอกว่ารักวิชาศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ งานศิลปหัตถกรรมคะแนนจะเกือบเต็ม ทั้งวิชาวาดเขียน ปั้นและงานประดิษฐ์ พอจบมัธยมพ่ออยากไปเรียนต่อที่เพาะช่าง แต่คุณย่าไม่ชอบกลับให้ไปเรียนพาณิชย์เป็นหนังคนละเรื่องกันเลย สุดท้ายมาเรียนช่างนัยว่าจบแล้วได้ตังค์ ทำงานวิศวกรประดิษฐ์สิ่งต่างๆ (พ่อชอบจินตนาการ คงติดมาจากอ่านการ์ตูน ชอบสิ่งลึกลับมหัศจรรย์ คิดว่ามันคงเหมือนไสยศาสตร์ เหาะเหินเดินอากาศส่งโทรจิตถึงกันได้ อะไรเทือกนั้นมั๊ง..)

เล่ามาตั้งนานพ่อบอกว่าเพื่อเป็นตัวอย่างสร้างความเข้าใจให้คุณพ่อคุณ คุณแม่ ปู ย่า ตา ยาย ทั้งหลายรู้ว่าเด็กทุกคนเขามีจินตนาการ มีความฝังใจและต้องการเรียนรู้ตามความถนัดของเขาเอง บางครั้งเราไปบังคับมากไปก็ไม่ได้ ต้องประชาธิปไตย เริ่มจากการปูแนวทางให้เขาตั้งแต่เล็กๆ แล้วสังเกตความถนัด ดูแววดาราที่พวกเขาแสดงออกมา ปิ๊งเมื่อไหร่ก็ส่งเสริมเขาให้เต็มที่ (ตามอัตภาพและทุนทรัพย์ที่หาได้)

จากประสบการณ์ของพ่อเอง บอกว่าการเริ่มต้นให้เด็กๆ เรียนรู้ศิลปะและงานประดิษฐ์ จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ มีความเข้าใจในธรรมชาติรอบตัว ทำให้จิตใจเยือกเย็น มีสมาธิ (แก้นิสัยใจร้อน โมโหง่ายได้มาก)

การสอนศิลปะสำหรับเด็กมีหลายแขนงทั้งวาดรูป ระบายสี และปั้นขึ้นรูป การประดิษฐ์และงานฝีมืออื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนเปิดสอนศิลปะสำหรับเด็กแพร่หลาย แบ่งเป็นคอร์สสั้นๆ เช่น

การวาด หรือ DRAWING
เรียนวาดรูป ใช้ดินสอ ปากกา ลากเส้นตรง เส้นโค้ง วงกลม และสิ่งต่างๆ รอบตัว ได้รู้จักกับรูปร่าง Shape และรูปทรง Form ต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการวาด

การระบายสี หรือ PAINTING
เรียนการใช้สีต่างๆ เช่น สีไม้ สีเทียน สีเมจิก หรือสีชอลค์ และใช้พู่กัน ระบายสีน้ำ สีโปสเตอร์ การ ผสมสี และเท็คนิคต่างๆ ให้เกิดความสวยงาม

งานปั้นขึ้นรูป หรือ SCULPTURE
เรียนรู้การปั้น เริ่มจากแบบง่ายๆ โดยใช้ดินน้ำมันที่มีสีสันต่างๆ จะเรียนรู้เทคนิคการปั้นแบบนูนต่ำ แบบ นูนสูงและลอยตัว เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือ กด นวด ปั้นแต่ง เป็นงานประติมากรรมแบบต่างๆ

ประติมากรรมกระดาษ หรือ PAPER MACHE
เรียนรู้การนำกระดาษ มาฉีก ตัด ปะ ม้วน พับขยำ เช่นกระดาษสี กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษทิชชู่ หนังสือแมกกาซีนและกระดาษกล่อง นำมาสร้างสรรค์ให้เกิดงานศิลปะต่างๆ เช่น ตุ๊กตากระดาษ และ หมูออมสิน

การพิมพ์ภาพ หรือ PRINT MAKING
เรียนรู้วิธีพิมพ์ภาพจากวัสดุต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและวัสดุที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ใบไม้ ดอกไม้ ก้าน กล้วย ที่มีลายแตกต่างกัน เป็นการเรียนรู้ วิธีการ และเทคนิคต่างๆ สร้างภาพที่แตกต่างกันไป

การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หรือ CREATIVE CRAFTS
เรียนรู้การนำเอาสิ่งต่างๆ รอบตัว มาประดิษฐ์ จัดแต่งเข้าด้วยกัน เช่น กล่องกระดาษ กระป๋องนม หลอดด้าย ไม้ไอติม เศษผ้าริบบิ้นและลูกปัดสีต่างๆ ทำให้เกิดประสบการณ์เกิดความคิดสร้างสรรค์นำ
ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

ประโยชน์ของการส่งเสริมเด็กทางด้านศิลปะ
เป็นการฝึกทักษะทางด้านศิลปะให้ดีขึ้น ให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงออกอย่างอิสระ รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้มีสมาธิในการเรียนที่ดีขึ้น และยังมีผลถึงพัฒนาการด้านอื่นๆ ทั้งหมด การที่เด็กได้ทำมากฝึกฝนมาก จะยิ่งช่วยให้เด็กเกิดความชำนาญมากขึ้นอีกด้วย ถือเป็นการสั่งสมประสบการณ์อันมีค่ายิ่งของเด็ก หากเด็กได้รับการสนับสนุนให้สร้างสรรค์ศิลปะอย่างต่อเนื่อง ก็เท่ากับว่าเป็นทางหนึ่งซึ่งสั่งสมความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นกับเด็กอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

เพราะศิลปะมีกระบวนการและธรรมชาติ ที่เอื้อแก่การพัฒนาทางสมอง เพื่อเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด ยิ่งเด็กฝึกฝนมากเท่าไรสติปัญญาของเด็กก็จะเติบโตมากเท่านั้น และหากการได้คิดมากๆ คือการทำให้สมองแหลมคม การที่เด็กได้ขีดเส้นลงไปแต่ละเส้นหรือระบายสีก็ล้วนมีผลทำให้สมองได้ทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น



ข้อมูลอ้างอิง : art-for-ent.com
ภาพจากอินเตอร์เน็ต